ศัลยกรรมดึงคอ (Neck Lock)

ผิวหนัง ความหย่อนคล้อยต่าง ๆ มักจะเห็นชัดมากขึ้นด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลา รวมถึงสาเหตุที่มาจากความเครียด แสงแดด มลภาวะต่างๆ ก็ทำให้เกิดริ้วรอย ความเหี่ยวย่น ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอได้ ทำให้หลายคนเกิดความกังวลและความไม่มั่นใจได้ ศัลยกรรมดึงคอ (Neck Lock) เป็นอีกวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาที่คุณกังวลใจได้

ศัลยกรรมดึงคอผ่าตัดลดเหนียง (NECK LOCK เน็คล็อค) คืออะไร

คือ วิธีการจัดการกับ “เหนี่ยง” บริเวณใต้คาง และลำคอที่เหี่ยวย่นหย่อนคล้อยลงมา ส่วนมากปัญหานี้มักพบกับผู้ที่มีอายุ 50 – 80 ปีขึ้นไป โดยใช้วิธีการล็อคที่เรียกว่า Aisa Neck Lock ระบบ Multiple loop locking ในการตัดเย็บ และล็อคกล้ามเนื้อแพลทิสมา (Platysma) บริเวณด้านหน้าลำคอ โดย คุณหมอชลธิศ เป็นผู้คิดค้น และพัฒนาขึ้นเพื่อผิวคนเอเชียโดยเฉพาะ กรณีที่แพทย์ประเมินแล้วพบว่าคนไข้มีผิวบริเวณเหนียงใต้คางด้านหน้าลำคอค่อนข้างบาง แพทย์จะแนะนำให้เลือกใช้วิธีซ้อนรอยแผลที่บริเวณท้ายทอยแทน ซึ่งวิธีดังกล่าวจะได้ผลลัพธ์ที่น้อยกว่าวิธีแรก

ทำไมต้องศัลยกรรมดึงคอกับเราธีรพรคลินิก

ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ธีรพร มาตรฐานโรงพยาบาลที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการศัลยกรรมแบบครบวงจรไว้ในที่เดียว มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งในเรื่องของการทำศัลยกรรมตาสองชั้น มาอย่างยาวนาน รวมทั้งเทคนิคศัลยกรรมดึงคอ ดึงหน้า (Facelock) ที่เป็นเทคนิคเฉพาะ ของ ธีรพรเท่านั้น พร้อมด้วยสถานที่กว้างขวางสวยงาม มีที่จอดรถและ เครื่องมือแพทย์ที่มีคุณภาพ ระดับ สากลคอยให้บริการ ทำให้ได้ร้บความไว้วางใจ จากเหล่าคนดัง, ดารา และเซเลบริตี้ มาใช้บริการที่ธีรพร

ข้อดีของการผ่าตัดลดเหนียง
  • การผ่าตัดลดเหนียงเป็นการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ทั้งไขมันส่วนเกิน กล้ามเนื้อที่หย่อนยาน และผิวหนังภายนอกที่หย่อนคล้อยทำให้ผลลัพธ์หลังผ่าตัดชัดเจน
  • แผลเล็กกว่าดึงหน้า และดึงคอปกติ
  • เจ็บน้อย เนื่องจากเรามีวิสัญญีแพทย์คอยดูแลตลอดการผ่าตัด
  • พักฟื้นน้อย แผลมีขนาดเล็กจึงฟื้นตัวได้ไว
การดูแลหลังศัลยกรรมดึงคอ
  1. ควรนอนด้วยหมอนสูง เพื่อยกให้ศีรษะตั้งตรง ประคบเย็น เพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัดได้  
  2. ควรงดอาหารรสเค็ม ของหมักดองต่าง ๆ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 1 อาทิตย์ 
  3. ทำความสะอาดแผลทุกวัน ด้วยสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดอย่างเบามือ 
  4. งดการทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเยอะ เช่น ออกกำลังกาย 
  5. หลีกเลี่ยงความร้อน และแสงแดดจัด 2 เดือน
  6. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง